วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ตำนานการเชืดสิงโต
ตำนานการเชิดสิงโต
สิงโตเป็นสัตว์ในนวนิยายหรือจินตนาการของประเทศจีน โดยชาวจีนได้มี จินตนาการว่า สิงโตมีกำเนิดมาจากสัตว์ 3 ประเภท ได้แก่ 1. แรด (เพราะมีนอที่หน้าผากตรงตามนิทานพื้นบ้านของจีน) 2. ม้า(เพราะมีลำตัวเป็นม้าที่มีเขาเดียวอยู่บนหัว)ถือว่าเป็นสัตว์มงคล ซึ่งจะ ปรากฎตัวเมื่อมีซินแสเกิดหรือมีนักปราชญ์ผู้ทรงธรรมขึ้นครองบัลลังก์ 3. สุนัข (ท่าทางการเต้นของสิงโตนั้น เลียนแบบมาจากท่าทางสุนัขล่าเนื้อ ของทิเบต หรืออาจจะเป็นสุนัขพันธ์ปักกิ่งและสุนัขพันธ์จู) ชาวจีนให้การนับถือสิงโตมาก เพราะเชื่อว่า สิงโตมีความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งมี อิทธิฤทธิ์ที่จะบันดาลโชคลาภมาให้ คอยช่วยปกป้องและปัดเป่าโพยภัยต่าง ๆ ไม่ให้ มารังควานผู้คนได้ ด้วยเหตุนี้จึงถือได้ว่า ประเทศจีนนั้นเป็นต้นกำเนิดตำนานในการ เชิดสิงโต ซึ่งตามตำนานของจีนกล่าวว่า สิงโตและการเชิดสิงโตเกิดขึ้นในรัชสมัย ของพระเจ้าเคี่ยนหลงกุน หรือเคี่ยนล่งกุ๋น หรือเคียนลุง หรือ เขียนหลง(หลี่ซื่อหมิน) แห่งราชวงศ์ชิง หรือเช็ง ซึ่งเสวยราชย์อยู่ระหว่างพ.ศ. 2297 – 2338(ตรงกับสมัยอยุธยา ตั้งแต่ปีที่ 5 แห่งรัชกาลของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จนถึงปีที่ 4 ในรัชกาลที่ 1 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ของประเทศไทย)ในวันหนึ่งขณะพระเจ้าเคี่ยนหลงกุ๋นหรือจักรพรรดิ เฉียนหลงเสด็จออกท้องพระโรงมีข้าราชบริพารมาเข้าเฝ้าก็ได้เกิดเหตุการณ์ ท้องฟ้ามืด สลัวลง พร้อมกับปรากฏสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับสุนัขตัวใหญ่ มีขนปุกปุย ลอย ลงมาจากก้อนเมฆทางทิศตะวันออก ทั้งมีเสียงดนตรีประโคมกึกก้อง สัตว์ประหลาด ได้ลอยลงมาหยุดตรงหน้าที่ประทับ แล้วหมอบลงก้มศีรษะทำความเคารพต่อพระองค์ 3 ครั้ง ก่อนลอยหายไปทางทิศเหนือ หลังจากเกิดเหตุกาณ์ได้มีขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่ง ได้กราบทูลว่า สัตว์ที่มาถวายบังคมต่อพระองค์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ ที่ประกอบด้วย มงคลอย่างสูง มีนามว่า สิงโต (หม่งไซ หรือ ไซ) สัตว์ชนิดนี้ยากที่มนุษย์สามัญจะได้ พบเห็น แต่การที่สัตว์นั้นมาถวายมงคลพระองค์เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงบุญญานุภาพ สิงโตจึงมาถวายบังคม เพื่อมาแสดงความจงรักภักดี และอวยพรแด่พระองค์ พระเจ้า เคี่ยนล่งกุ๋นได้ฟังก็เกิดปิติโสมนัส พร้อมตรัสสรรเสริญสิงโต ต่อมาเมื่อราษฎรได้ทราบ เหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้พากันจัดหารูปสิงโตมาตั้งเคารพบูชาไว้ที่บ้านของตน
ต่อมา มีชาวจีนสกุลโง้ว(แซ่โง้ว) ได้คิดทำหัวสิงโตขึ้นมาใช้แทนสิ่งที่เคยลอยลงมาจากฟ้า หา เครื่องดนตรีประกอบให้มีที่เสียงเร้าใจ ชวนให้สนุกสนาน โดยใช้คนจับหัวเชิด แสดง คาราวะต่อผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ถือว่าเป็นมิ่งมงคลแก่ผู้รับการคาราวะ เปรียบเสมือน เป็นพระเจ้ากรุงจีน สิงโตจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ยังมีตำนานความเป็นมาการ เชิดสิงโตอีกเรื่องหนึ่งได้กล่าวว่า หลายร้อยปีมาแล้วได้มีสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่งตัวยาว 8 ฟุต มีหัวที่น่าเกลียดมาก ได้มากินข้าวในนา ที่มณฑลกวางตุ้งในวันตรุษจีน ชาวบ้านจึง ร่วมมือกันคิดหาวิธีขับไล่สัตว์ร้ายนั้นไป โดยไม่คิดทำอันตรายแก่สัตว์ร้ายแต่อย่างใด โดยนำเอาไม้ไผ่ทำเป็นโครง เอากระดาษสีปะสร้างเป็นรูปสิงโตขึ้นมา แล้วให้ชาวบ้าน หลบเข้าไปซ่อนอยู่ด้านในของสิงโตจำลอง จวบจนถึงเวลากลางคืน สิงโตที่ชาวบ้าน สร้างจำลองขึ้นมาได้ออกไปเผชิญหน้ากับสัตว์ยักษ์ สัตว์ยักษ์เมื่อได้เห็นสิงโตจำลองที่ กระโดดโลดเต้น และมีเสียงดัง อันเกิดจากการที่ชาวบ้านได้เอาเครื่องมือที่ใช้ในการ ทำครัวมาตีกระทบกัน ทำให้สัตว์ยักษ์เกิดความหวาดกลัวหลบหนีไป ชาวนาจึงไม่ถูก สัตว์ยักษ์มากินข้าวในนาของตนต่อไป และเพื่อระลึกถึงบุญคุณของสิงโตจำลอง พวก ชาวนาจึงจัดให้มีการเชิดสิงโตเป็นประจำทุกปีในช่วงตรุษจีน ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การเชิดสิงโตอาจจะมีจุดกำเนิดมาจากเทศกาลตรุษจีน
ลิขสิทธิ์ชมรมส่งเสริมกีฬาเชิดสิงโต มังกรประเทศไทย พ.ศ. 2547
วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
แก้เคล็ดฮวงจุ้ยด้วยสี
1.สีแดง
เสริมดวงการเงิน เกียรติยศชื่อเชียง พลังชีวิต แก้ไขความอ่อนแอของจิตวิญญาณ
2.สีชมพู
เสริมความนุ่มนวล ความห่วงใยอาทร แก้ไขความเย็นชา ปราศจากความรัก และความอ่อนโยน
3.สีม่วง
เสริมความมั่งมีศรีสุข และชื่อเสียงลาภยศ แก้ไขความหยุดนิ่งของดวงชะตา
4.สีเขียว
เสริมความสงบ ความหวัง และความมั่นคงปลอดภัย แก้ไขความติดขัด อุปสรรคต่างๆ และความร้อนรนวุ่นวาย
5.สีเหลือง
เสริมอำนาจบารมีและโชคทรัพย์ แก้ไขความตกต่ำ ความอ่อนแอ และความแห้งแล้งของจิตใจ
6.สีส้ม
เสริมความคิดริเริ่ม และความสุขสันต์หรรษา แก้ไขความทึบตัน ความหม่นหมอง และความถดถอยทางจิตวิญญาณ
7.สีฟ้า
เสริมความอบอุ่น การเจริญเติบโต การพัฒนาต่างๆ แก้ไขความเศร้า ความแตกแยก และการหยุดนิ่งเฉื่อยชาของอารมณ์จิตใจ
8.สีเทา
เสริมความสมดุล ความเรียบง่าย แก้ไขความร้อนรน วุ่นวายไร้ระเบียบ
9.สีดำ
เสริมความเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง แก้ไขความเลื่อนลอย ขาดเอกภาพ
10.สีน้ำตาล
เสริมความมั่นคง บารมี ความสง่างาม แก้ไขความผันแปรต่างๆ
เสริมดวงการเงิน เกียรติยศชื่อเชียง พลังชีวิต แก้ไขความอ่อนแอของจิตวิญญาณ
2.สีชมพู
เสริมความนุ่มนวล ความห่วงใยอาทร แก้ไขความเย็นชา ปราศจากความรัก และความอ่อนโยน
3.สีม่วง
เสริมความมั่งมีศรีสุข และชื่อเสียงลาภยศ แก้ไขความหยุดนิ่งของดวงชะตา
4.สีเขียว
เสริมความสงบ ความหวัง และความมั่นคงปลอดภัย แก้ไขความติดขัด อุปสรรคต่างๆ และความร้อนรนวุ่นวาย
5.สีเหลือง
เสริมอำนาจบารมีและโชคทรัพย์ แก้ไขความตกต่ำ ความอ่อนแอ และความแห้งแล้งของจิตใจ
6.สีส้ม
เสริมความคิดริเริ่ม และความสุขสันต์หรรษา แก้ไขความทึบตัน ความหม่นหมอง และความถดถอยทางจิตวิญญาณ
7.สีฟ้า
เสริมความอบอุ่น การเจริญเติบโต การพัฒนาต่างๆ แก้ไขความเศร้า ความแตกแยก และการหยุดนิ่งเฉื่อยชาของอารมณ์จิตใจ
8.สีเทา
เสริมความสมดุล ความเรียบง่าย แก้ไขความร้อนรน วุ่นวายไร้ระเบียบ
9.สีดำ
เสริมความเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง แก้ไขความเลื่อนลอย ขาดเอกภาพ
10.สีน้ำตาล
เสริมความมั่นคง บารมี ความสง่างาม แก้ไขความผันแปรต่างๆ
วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553
ตำนานการแสดงเองกอพะบู๊ ภาคสมบรูณ์
ตำนานเองกอพะบู๊เริ่มเมื่อแปดร้อยปีมาแล้ว ราชอาณาจักรจีน ในรัชสมัยพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เกิด โรคระบาดพรากชีวิตผู้คนไปเป็นอันมาก พระเจ้าซ้องยินหยินจงฮ่องเต้ทรงโปรด ให้อังซินขุนนางตำแหน่งไทอวยเดินทาง ไปอัญเชิญนักพรวิเศษเตียฮีเจ็งเชียนชือ ณสำนักวัดเขาเกาเล่งซัวมาช่วยหลังจาก บรรจุหน้าที่แล้วระหว่างทางขากลับอังซิน ผ่านตำแหน่ง เก๋ง แห่งหนึ่ง สลักชื่อไว้ว่า ตำหนักขังปิศาจ ด้วยความกระหายใคร่รู้ จึงแกะยันต์ที่ติดอยู่หน้าเก๋งทิ้งและ เปิด เข้าไปโดยพลการทันใดนั้นเองก็มีควันดำ พวยพุ่งออกมาทางประตูลอยขึ้นไปอยู่บน อากาศแล้วแตกกระจายแปดทิศที่แท้ใน เก๋งขังดวงจิตดาวทหารที่ดุร้ายถึงร้อย แปดคนชื่อดาว"เทียมกังแซ"36ชื่อดาว "ตีลัว"72รวม 108 ดวง ถูกขังมิ ให้ไปเกิด จากกลัวรบกวนไพร่ฟ้าประชาชนพลเมือง ให้ได้รับความ เดือดร้อน วิญญาณดุร้ายทั้งร้อยแปดดวงจึงได้โอกาสไปจุติ เป็น"ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน"หลังจากพระ เจ้าซ้องยินจงสวรรคตแล้วการเมืองการปกครอง เริ่มเสื่อมทรามลงทุกทีในราชสำนักและวงการ ขุนนางมีแต่ขุนนางฉ้ออำมาตย์มารกดขี่ข่มเหง ราษฎรสังคมก็ปั่นป่วนวุ่นวายมือใครยาวสาวได้ สาวเอาเหล่านักบู๊เทอดทูนคุณธรรมยิ่งชีวิตต่าง ถูกบีบคั้นถูกกลั่นแกล้งเหลืออดเหลือทนในที่สุด จึงรวมตัวกันรวบรวมเอาเหล่านักบู๊ผู้เลิศวิทยา ยุทธทั้ง 108 คน เป็นผู้ใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน ทำการก่อกบฏปล้นขุนนางขี้ฉ้อปล้นคหบดีนำมา แจกจ่ายคนจนคนตกทุกข์ได้ยากความขัดแย้งรุน แรงขึ้นเรื่อยๆจนขยายตัวเป็นสงครามระหว่าง กองโจรกับกอง ทหารหลวง ตำนาน "ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน" ใช้เค้าโครงจากวรรณคดีจีนเรื่อง"ซ้องกั๋ง" ซึ่งเป็นวรรณคดีร้อยแก้วมีลักษณะเป็นการ เล่าได้เรียบเรียงขึ้นเป็นเรื่องราวยืดยาวมี รสมีชาติยิ่งนักแต่ซือไน่อานเขียนไว้เพียง เจ็ดสิบบทมา"หลังกว้านจง"ลูกศิษย์ของซือ ไน่อานจึเรียงเขียนต่อจนจบสมบูรณ์หลัง กว้านจงคือผู้รจนานิยายเรื่องสามก๊กอันลือ ชื่อนั่นเองซ้องกั๋งเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นฝีมือ ครูเป็นแบบอย่างของ สามก๊กอีกทีหนึ่ง การแสดง "เอ็งกอ - พะบู๊" การละเล่นเอ็งกอ เป็นตอนที่ขบวนนักรบ 108 คน ที่ต่างมีวิชาความสามารถเก่งกาจกันคนละอย่าง สองอย่าง ทั้งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไม้พลอง มีด การดำน้ำ การเดินป่าทางไกล การรักษาโรค ฯลฯ แต่งหน้าอำพลางตนเป็นนักแสดงขี่ม้าเข้าเมือง เพื่อไปช่วยซ้องกั๋งหัวหน้าของพวกตนการเขียน หน้าเพื่อปกปิดหน้าตาและทำให้ดูน่า เกรงขามของ เอ็งกอมีการเขียนลวดลายเฉพาะคนเหมือนการสวม หน้ากากทั้ง108คนเหมือนกับการสวมหัวโขนของคน ไทยในการแสดงไม่ว่าขบวนแห่เอ็งกอจะผ่านไปทาง ไหนจะสร้างความตื่นเต้นและความประทับใจในการ แสดงนี้ไปทั่วอันเกิดจากความเร้าใจจากเสียงตีไม้ คู่ของขบวน ผู้แสดงที่วิ่ง ผ่าน ไปอย่างรวดเร็ว ส่วน "พ๊ะบู๊" เป็นการแสดงการต่อสู้ด้วยอาวุธจีนโบราณ มักจะเป็นขบวนคู่แฝดของเอ็งกอในการแห่เจ้า ขบวนเอ็งกอ-พ๊ะบู๊ของนครสวรรค์ริเริ่มเล่นโดยนาย คอซัวแซ่เตียเมื่อพ.ศ.2490และได้รับความนิยม เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553
ตำนานการแสดงเองกอพะบู๊ ภาค1
ตำนานเองกอพะบู๊เริ่มเมื่อแปดร้อยปีมาแล้ว ราชอาณาจักรจีน ในรัชสมัยพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เกิด โรคระบาดพรากชีวิตผู้คนไปเป็นอันมาก พระเจ้าซ้องยินหยินจงฮ่องเต้ทรงโปรด ให้อังซินขุนนางตำแหน่งไทอวยเดินทาง ไปอัญเชิญนักพรวิเศษเตียฮีเจ็งเชียนชือณสำนักวัดเขาเกาเล่งซัวมาช่วยหลังจาก บรรจุหน้าที่แล้วระหว่างทางขากลับอังซิน ผ่านตำแหน่ง เก๋ง แห่งหนึ่ง สลักชื่อไว้ว่า ตำหนักขังปิศาจ ด้วยความกระหายใคร่รู้ จึงแกะยันต์ที่ติดอยู่หน้าเก๋งทิ้งและ เปิด เข้าไปโดยพลการทันใดนั้นเองก็มีควันดำ พวยพุ่งออกมาทางประตูลอยขึ้นไปอยู่บน อากาศแล้วแตกกระจายแปดทิศที่แท้ใน เก๋งขังดวงจิตดาวทหารที่ดุร้ายถึงร้อย แปดคนชื่อดาว"เทียมกังแซ"36ชื่อดาว "ตีลัว"72รวม 108 ดวง ถูกขังมิ ให้ไปเกิด จากกลัวรบกวนไพร่ฟ้าประชาชนพลเมือง ให้ได้รับความ เดือดร้อน วิญญาณดุร้ายทั้งร้อยแปดดวงจึงได้โอกาสไปจุติ เป็น"ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)